เราปลูกมะม่วง จะอิ่มจะรวยอยู่ที่ผลของมัน
ศิลปะ คือ อะไร ?
ศิลปะ แปลว่า การแสดงออกมาให้ปรากฏขึ้นได้อย่างงดงามน่าพึงชม หมายถึง “ฉลาดทำ” คือทำเป็นนั่นเอง
พหูสูตนั้นเป็นผู้ฉลาดรู้ เรียนรู้ในหลักวิชา รู้ว่าอะไรเป็นอะไร รู้ว่าอะไรทำอย่างไร ส่วนศิลปะ เป็นความสามารถในทางปฏิบัติ คือสามารถนำความรู้นั้นมาใช้ให้บังเกิดผลได้
คนที่มีความรู้นั้น ไม่ใช่ว่าจะมีศิลปะทุกคน เช่น รู้วิธีหุงข้าวว่าจะต้องเอาข้าวสารใส่หม้อ ซาวข้าว แล้วใส่น้ำยกขึ้นตั้งไฟ น้ำเดือดสักพักก็รินน้ำข้าวออก ดงให้ระอุอีกครู่หนึ่ง ก็คดข้าวออกมากินได้ นี่คือหลักวิชา แต่คนที่รู้เพียงเท่านี้ ไม่แน่นักว่าจะหุงข้าวกินได้ทุกคน อาจจะได้ข้าวดิบบ้าง แฉะบ้าง ไหม้บ้าง เพราะไม่มีศิลปะในการหุงข้าว เรียกว่า ฉลาดรู้แต่ยังไม่ฉลาดทำ
ประเภทของศิลปะ
- ทางกาย: ฉลาดทำการช่างต่างๆ เช่น ช่างทอ ช่างเครื่อง ช่างวาด ช่างออกแบบ รวมทั้งการทำอาชีพอื่นๆ เช่น การทำสวน การปลูกพืชผัก
- ทางวาจา: ฉลาดในการพูด มีวาทศิลป์ รู้จักเลือกพูดแต่สิ่งที่ดี
- ทางใจ: ฉลาดในการคิด มีสติสัมปชัญญะ คิดในทางสร้างสรรค์
องค์ประกอบของศิลปะ
- ทำด้วยความประณีต
- ทำให้สิ่งของต่างๆ มีคุณค่าสูงขึ้น
- ทำแล้วส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
- ทำแล้วไม่ทำให้กามกำเริบ
- ทำแล้วไม่ทำให้ความคิดพยาบาทกำเริบ
- ทำแล้วไม่ทำให้ความคิดเบียดเบียนกำเริบ
คุณสมบัติของผู้สามารถมีศิลปะ
- ต้องมีศรัทธา เชื่อมั่นในสิ่งที่จะทำ
- ต้องไม่เป็นคนขี้โรค รักษาสุขภาพตัวเอง
- ต้องไม่เป็นคนขี้โม้ขี้คุย
- ต้องไม่เป็นคนขี้เกียจ มีความมานะพากเพียร
- ต้องเป็นคนมีปัญญา รู้จักพินิจพิจารณา
วิธีฝึกตนให้มีศิลปะ
- ฝึกตนเองให้เป็นคนช่างสังเกต
- ตั้งใจทำงานทุกอย่างให้ดีที่สุด
- ทำงานด้วยความประณีต
- ปรับปรุงงานให้ดีขึ้นเสมอ
- ใกล้ชิดกับผู้มีศิลปะในสายงานนั้น
- ฝึกสมาธิให้ใจสงบ
ข้อเตือนใจ
อย่าเอาแต่จับผิดผู้อื่น ไม่เช่นนั้นตัวเราจะกลายเป็น “ศิลปินนักติ” สุดท้ายกลายเป็นคนไม่มีผลงาน ทำอะไรไม่เป็น
อานิสงส์การมีศิลปะ
- ทำให้มีความสามารถเด่นกว่าผู้อื่น
- ทำให้สามารถเลี้ยงตัวได้
- ทำให้เป็นคนฉลาดช่างสังเกต
- ทำให้มั่งคั่งสมบูรณ์
- ทำให้ได้รับความสุขทั้งโลกนี้โลกหน้า
- ทำให้โลกเจริญทั้งด้านวัตถุและจิตใจ